เปิดโลกการสร้างแบรนด์เครื่องสำอาง Vegan & Cruelty-Free เผยเคล็ดลับสู่ความสำเร็จ เจาะลึกตัวอย่างผลิตภัณฑ์ พร้อมแชร์แนวทางการสร้างแบรนด์ให้ยั่งยืนและโดดเด่นไม่เหมือนใคร
โอ้โห... ช่วงนี้มีคนทักมาถามเรื่องทำแบรนด์เครื่องสำอางวีแกนกันเยอะมากเลยค่ะ จนเราอดใจไม่ไหว ต้องขอมาแชร์ประสบการณ์ให้ทุกคนฟังกันหน่อย
เคยไหมที่รู้สึกว่าวงการเครื่องสำอางมันดูเป็นเรื่องไกลตัว แล้วพอคิดจะ สร้างแบรนด์เครื่องสำอาง สักแบรนด์ก็ดูเป็นเรื่องยากไปหมด แต่เชื่อเถอะค่ะว่าถ้าเรามีความตั้งใจและมีpassion ที่จะทำจริงๆ ทุกอย่างจะง่ายขึ้นทันทีเลยค่ะ
สร้างสีสันให้ชีวิต : สร้างแบรนด์เครื่องสำอาง Vegan & Cruelty-Free ที่คุณต้องมี
สวัสดีค่ะเพื่อนๆ ทุกคน วันนี้ขอมานั่งคุยแบบสบายๆ ถึงเรื่องราวเบื้องหลังการ สร้างแบรนด์เครื่องสำอาง ที่เราภูมิใจนำเสนอ นั่นก็คือ แบรนด์เครื่องสำอางแบบ Vegan & Cruelty-Free ค่ะ เชื่อว่าหลายคนอาจจะสงสัยว่าทำไมถึงต้องเจาะตลาดนี้ แล้วมันแตกต่างจากเครื่องสำอางทั่วไปยังไง วันนี้เราจะมาเจาะลึกให้ฟังกันค่ะ
ต้องยอมรับว่าสมัยนี้ผู้บริโภคฉลาดขึ้นเยอะมากค่ะ พวกเขาไม่ได้มองแค่ว่าผลิตภัณฑ์นั้นๆ ใช้แล้วสวยขึ้นอย่างเดียว แต่ยังให้ความสำคัญกับเรื่อง จริยธรรม และ ความยั่งยืน ด้วย เพราะฉะนั้นการที่แบรนด์ของเราเป็น Vegan & Cruelty-Free (วีแกนและไม่ทดลองกับสัตว์) จึงเป็นการตอบโจทย์เทรนด์ใหม่ๆ ได้อย่างตรงจุด
- Vegan (วีแกน) : หมายถึงผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีส่วนผสมจากสัตว์เลยค่ะ ไม่ว่าจะเป็น น้ำผึ้ง, นม, ไขมันสัตว์, หรือแม้กระทั่งไข่ปลาคาเวียร์ ซึ่งเราจะเน้นใช้ส่วนผสมจากพืชหรือแร่ธาตุธรรมชาติแทนค่ะ
- Cruelty-Free (ไม่ทดลองกับสัตว์) : อันนี้สำคัญมากๆ เลยค่ะ เพราะหมายถึงว่าตั้งแต่ต้นจนจบกระบวนการผลิต เราไม่ได้มีการทดลองผลิตภัณฑ์กับสัตว์เลยสักนิดเดียว ทำให้มั่นใจได้เลยว่าไม่มีสิ่งมีชีวิตตัวไหนต้องเจ็บปวดเพราะความสวยของเรา
การที่แบรนด์ของเราชูจุดเด่นเรื่องนี้ ทำให้เราสามารถ สร้างแบรนด์เครื่องสำอาง ที่แตกต่างและโดดเด่นในตลาดได้อย่างง่ายดาย
พอพูดถึงเครื่องสำอางวีแกน หลายคนอาจจะคิดว่ามีแค่ไม่กี่อย่าง แต่จริงๆ แล้วเราสามารถทำได้หลากหลายมากๆ เลยค่ะ ลองมาดูตัวอย่างที่เราเคยทำกันนะคะ
1. ลิปสติกแบบเนื้อกำมะหยี่ (Velvet Lipstick)
ลิปสติกวีแกนของเราจะเน้นการใช้ แว็กซ์จากพืช (Plant-based wax) อย่างเช่น Candelilla wax หรือ Carnauba wax แทน beeswax (แว็กซ์จากผึ้ง) ค่ะ นอกจากนี้ยังเพิ่มความชุ่มชื้นด้วย เชียบัตเตอร์ และ น้ำมันโจโจ้บา เพื่อให้เนื้อสัมผัสเนียนนุ่ม ไม่แห้งกรัง และเม็ดสีก็ยังชัด ติดทนนานไม่แพ้ลิปสติกทั่วไปเลยค่ะ
2. รองพื้นแบบน้ำเนื้อบางเบา (Lightweight Liquid Foundation)
สำหรับรองพื้น เราจะใช้ เม็ดสีธรรมชาติ ที่มาจากแร่ธาตุต่างๆ อย่าง Iron Oxides และ Titanium Dioxide และแทนที่จะใช้ซิลิโคนที่มาจากปิโตรเลียม เราจะใช้ น้ำมันจากเมล็ดองุ่น (Grapeseed oil) หรือ น้ำมันเมล็ดทานตะวัน (Sunflower seed oil) ที่ช่วยให้เนื้อรองพื้นเกลี่ยง่าย เบาสบายผิว และไม่ก่อให้เกิดการอุดตัน
3. อายแชโดว์เนื้อชิมเมอร์ (Shimmer Eyeshadow)
ใครจะไปคิดว่าอายแชโดว์เนื้อชิมเมอร์ก็เป็นวีแกนได้! เราจะเลือกใช้ ไมก้า (Mica) ซึ่งเป็นแร่ธาตุที่ทำให้เกิดประกายวิ้งๆ และ Boron Nitride ที่ช่วยให้เนื้ออายแชโดว์นุ่มลื่นและติดทนมากขึ้นค่ะ ที่สำคัญคือเราต้องแน่ใจว่าไมก้าที่เราใช้นั้นมาจากแหล่งที่ถูกกฎหมายและไม่มีการใช้แรงงานเด็กด้วยนะคะ เพราะการ สร้างแบรนด์เครื่องสำอาง ที่ดีต้องใส่ใจในทุกรายละเอียดจริงๆ

เคล็ดลับจากประสบการณ์จริง : สร้างแบรนด์เครื่องสำอางให้ปัง!
การ สร้างแบรนด์เครื่องสำอาง ที่ประสบความสำเร็จไม่ได้ขึ้นอยู่แค่ที่ตัวผลิตภัณฑ์อย่างเดียวค่ะ แต่ยังรวมถึงเรื่องราวเบื้องหลังที่มาที่ไปของแบรนด์ด้วย
1. หาจุดยืนของแบรนด์ (Brand Identity) : ลองคิดดูว่าแบรนด์ของเราเป็นใคร? มีบุคลิกแบบไหน? ต้องการสื่อสารอะไรกับลูกค้า? การมีจุดยืนที่ชัดเจนจะช่วยให้เรา สร้างแบรนด์เครื่องสำอาง ที่แข็งแกร่งได้
2. ให้ความสำคัญกับ Packaging : บรรจุภัณฑ์เป็นสิ่งแรกที่ลูกค้าเห็นค่ะ ลองใช้กล่องกระดาษที่สามารถรีไซเคิลได้ ขวดแก้ว หรือบรรจุภัณฑ์ที่ทำจากวัสดุธรรมชาติ เพื่อให้สอดคล้องกับคอนเซ็ปต์วีแกนของเรา
3. เล่าเรื่องราวให้เป็น : ทุกผลิตภัณฑ์มีเรื่องราวเบื้องหลังค่ะ ตั้งแต่ที่มาของส่วนผสม, กระบวนการผลิต ไปจนถึงความตั้งใจที่เราอยากให้ลูกค้าได้รับ ลองเล่าเรื่องราวเหล่านี้ผ่านช่องทางโซเชียลมีเดีย หรือบนเว็บไซต์ของเราดูนะคะ
4. สร้างคอมมูนิตี้ (Community Building) : การสร้างกลุ่มลูกค้าที่รักในแบรนด์ของเราเป็นเรื่องสำคัญมากๆ ค่ะ ลองจัดกิจกรรมเล็กๆ หรือสร้างพื้นที่ให้ลูกค้าได้มาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน จะช่วยให้แบรนด์ของเราเติบโตได้อย่างยั่งยืน
การ สร้างแบรนด์เครื่องสำอาง แบบ Vegan & Cruelty-Free อาจจะดูเป็นเรื่องที่ต้องใช้ความพยายามมากหน่อย แต่รับรองเลยค่ะว่าผลตอบแทนที่ได้กลับมาคุ้มค่าแน่นอน เพราะเราไม่ได้แค่ขายผลิตภัณฑ์ แต่เรากำลังส่งต่อความเชื่อที่ดีและสร้างแรงบันดาลใจให้คนหันมาใส่ใจสิ่งแวดล้อมมากขึ้นค่ะ
หากเพื่อนๆ คนไหนสนใจอยากจะเริ่มทำแบรนด์เป็นของตัวเองบ้าง ลองเริ่มต้นจากจุดเล็กๆ ที่เราถนัดก่อนก็ได้นะคะ แล้วค่อยๆ พัฒนาไปเรื่อยๆ อย่าเพิ่งท้อใจค่ะ!