เตือน SME มือใหม่! 5 ข้อผิดพลาดเลือก "ขวดเซรั่ม" ที่ทำแบรนด์เจ๊งตั้งแต่เริ่ม ทั้งเรื่องหัวปั๊ม วัสดุ และการขนส่ง รู้ทันไว้ก่อนทุนจม อ่านเลย!
เชื่อไหมครับว่า ตลอดระยะเวลาที่ผมทำแบรนด์สกินแคร์มา สิ่งที่ทำให้ผมเห็นเจ้าของแบรนด์หน้าใหม่ “ตกม้าตาย” มากที่สุด ไม่ใช่เรื่องคุณภาพเนื้อครีม ไม่ใช่เรื่องการยิงแอดไม่แม่น แต่มันคือเรื่องที่ดูเล็กน้อยมากๆ อย่าง “บรรจุภัณฑ์”
ตอนเริ่มทำแบรนด์ใหม่ๆ เราทุกคนมีความฝันเหมือนกันครับ เราโฟกัสที่สารสกัดต้องเทพ นำเข้าจากยุโรป เนื้อสัมผัสต้องว้าว แต่เรามักจะมาประหยัด หรือเลือกแบบขอไปทีกับสิ่งที่ห่อหุ้มมันอยู่ พอสินค้าออกสู่ตลาดปุ๊บ ปัญหาตามมาเป็นขบวน ทั้งสินค้าเสียหาย ลูกค้าด่า ยอดรีวิวตก สุดท้ายทุนจมเพราะขายไม่ออก
วันนี้ผมเลยอยากเอาประสบการณ์เจ็บๆ ที่ผมเคยเจอเองบ้าง เคยเห็นเพื่อนร่วมวงการเจอมาบ้าง มาแชร์ให้ฟังครับ ว่าไอ้เจ้าขวดใบเล็กๆ เนี่ย ถ้าเลือกผิด ชีวิตเปลี่ยน (ไปในทางแย่) ได้ยังไงบ้าง กับ 5 ความผิดพลาดที่ SME ต้องระวังครับ
1. เลือกหัวปั๊มผิดชีวิตเปลี่ยน : เมื่อ “ความหนืด” ไม่แมตช์กับ “กลไก”
ข้อนี้คือคลาสสิกเคสอันดับหนึ่งเลยครับ มือใหม่ส่วนใหญ่มักเลือกบรรจุภัณฑ์จาก “หน้าตา” เป็นหลัก เห็นขวดนี้ทรงสวย สีหรู ดูมินิมอล ก็จิ้มเลือกเลยโดยที่ยังไม่ได้เอาเนื้อเซรั่มของตัวเองไปทดสอบกับหัวปั๊มนั้นจริงๆ
ต้องเข้าใจก่อนว่า เซรั่มแต่ละสูตรมีความหนืด (Viscosity) ไม่เท่ากันครับ บางตัวเหลวเป็นน้ำ บางตัวข้นเป็นเจล หรือบางตัวเป็นออยล์ ปัญหาโลกแตกที่คนทำแบรนด์ใหม่ๆ ชอบมองข้ามคือการเลือก ขวดเซรั่ม ที่หัวปั๊มไม่แมตช์กับเนื้อครีม
- ถ้าเนื้อเหลวไปแต่ใช้หัวปั๊มรูใหญ่ : กดทีเดียวกระจายเลอะเสื้อผ้าลูกค้า
- ถ้าเนื้อข้นไปแต่ใช้หัวปั๊มรูเล็ก : กดไม่ขึ้น หรือกดแล้วหัวปั๊มค้าง
- ถ้าเป็นเนื้อออยล์แต่ใช้ปั๊มธรรมดา : รั่วซึมออกมาตามคอขวดแน่นอน
ลูกค้าเขาไม่สนหรอกครับว่าข้างในคุณใส่อะไรดีแค่ไหน ถ้าเขา “ใช้งานยาก” ตั้งแต่ครั้งแรก เขาจะไม่ซื้อซ้ำครับ สิ่งที่คุณต้องทำคือ ขอตัวอย่างขวดมาเทสต์กับเนื้อจริง ปั๊มทิ้งไว้เป็นร้อยๆ ครั้ง ดูว่าหัวตันไหม ไหลเยิ้มไหม ก่อนสั่งผลิตจริงครับ
2. วัสดุไม่ถูกโฉลกกับสารสกัด : เมื่อขวดกลายเป็นศัตรูของครีม
เคยได้ยินคำว่า “แพ็กเกจจิ้งกัดเนื้อ” หรือ “เนื้อกัดแพ็กเกจจิ้ง” ไหมครับ? นี่คือฝันร้ายของคนทำแบรนด์เลยนะ เพราะมันหมายความว่าล็อตนั้นทั้งล็อตคุณต้องเททิ้ง
สารสกัด Active Ingredients บางตัว มีฤทธิ์เป็นกรดอ่อนๆ (เช่น Vitamin C, AHA) หรือสารกลุ่ม Essential Oil บางชนิด มันมีปฏิกิริยาเคมีกับพลาสติกบางเกรดครับ ถ้าคุณไม่เช็กให้ดี ไปเลือกใช้พลาสติกราคาถูก หรือเกรดที่ไม่ทนต่อสารเคมี ผ่านไปสักเดือนสองเดือน ขวดอาจจะบวม เบี้ยว หรือแย่กว่านั้นคือพลาสติกละลายปนเปื้อนลงไปในเนื้อครีม
อีกเรื่องคือ “แสง” ครับ สารสกัดบางตัวมันไวต่อแสง หรือมีความเป็นกรดสูง ถ้าคุณไปใส่ ขวดเซรั่ม พลาสติกเกรดต่ำ หรือใช้ขวดใสแจ๋วกับวิตามินซีที่ไวต่อแสง เนื้อเซรั่มจะเปลี่ยนสี เปลี่ยนกลิ่น และเสื่อมสภาพก่อนถึงมือลูกค้าแน่นอน ทางแก้คือต้องรู้ก่อนว่าสารสกัดเรา “แพ้” อะไร แล้วเลือกวัสดุขวด (แก้ว, PET, PP, Acrylic) ให้เหมาะสมครับ
3. ท่อดูด (Dip Tube) ยาวเกินไปหรือสั้นเกินไป : ความหงุดหงิดที่ลูกค้าไม่ให้อภัย
เรื่องนี้ดูเป็นเรื่องเส้นผมบังภูเขามาก แต่เชื่อมั้ยว่ามันคือเหตุผลอันดับต้นๆ ที่ลูกค้าบ่นลงโซเชียล
- ถ้าท่อยาวเกินไป : ท่อจะงออยู่ก้นขวด พอมันงอมากๆ ปลายท่อมันจะไปแนบสนิทกับก้นขวดหรือผนังขวด ทำให้ดูดเนื้อเซรั่มไม่ขึ้น กดกี่ที่ก็ไม่ออก
- ถ้าท่อสั้นเกินไป : เซรั่มเหลือติดก้นขวดตั้งเยอะ แต่ดูดไม่ขึ้นแล้ว ลูกค้าจะรู้สึกว่า “ไม่คุ้มค่า” “เอาเปรียบ” เพราะเขาใช้ไม่หมด
โรงงานที่ไม่ได้มาตรฐานมักจะตัดท่อมาแบบสุ่มๆ ไม่ได้วัดความสูงของขวดคุณเป๊ะๆ หน้าที่ของเราคือต้อง QC เรื่องนี้ครับ ท่อดูดที่ดีควรจะยาวพอดีแตะก้นขวดแบบเฉียงนิดๆ เป็นรูปตัว V เพื่อให้ดูดเนื้อได้จนหยดสุดท้ายครับ
4. มองข้ามเรื่องการขนส่ง : สวยแต่เปราะ = เจ๊ง
เราอยู่ในยุค E-commerce ครับ สินค้าเราต้องเดินทางผ่านระบบขนส่งที่... ก็รู้ๆ กันอยู่ว่าโยนเก่งแค่ไหน
ดีไซน์เนอร์อาจจะออกแบบขวดทรงระฆังแก้ว ก้านยาวเรียวสวยงามมาก วางบนเชลฟ์คือมงลงแน่นอน แต่พอลองแพ็กใส่กล่องส่งไปรษณีย์ดูสิครับ... คอขวดหัก ฝาแตก เนื้อไหลนองเต็มกล่อง
ลองนึกภาพลูกค้าแกะกล่องพัสดุออกมา แล้วเจอสภาพ ขวดเซรั่ม เยิ้มเลอะเทอะ สิ่งแรกที่เขาทำไม่ใช่การขอเคลมนะครับ แต่เขาจะถ่ายรูปประจานลงทวิตเตอร์ (X) หรือ Tiktok ก่อน ความน่าเชื่อถือที่สร้างมาพังทลายทันที
ก่อนจะเคาะเลือกขวดแบบไหน ลองทำ Drop Test ดูก่อนครับ แพ็กใส่กล่องจริงแล้วลองโยน ลองเขย่าแรงๆ หรือลองส่งไปรษณีย์ไปหาเพื่อนที่อยู่ต่างจังหวัดดู แล้วให้เขารีวิวกลับมาว่าสภาพตอนถึงมือเป็นยังไง ถ้าฝาเกลียวไม่แน่นพอ หรือวัสดุกรอบเกินไป อย่าเสี่ยงครับ
5. ต้นทุนแฝงของดีไซน์ “แปลก” : กับดักของความครีเอทีฟ
ผมเข้าใจครับว่าเราอยากให้สินค้าเราโดดเด่นบนชั้นวาง เราเลยพยายามหาทรงขวดที่แปลกตา ไม่เหมือนใคร ทรงหยดน้ำบ้าง ทรงเลขาคณิตซับซ้อนบ้าง
แต่สิ่งที่คุณต้องแลกมาคือ “ต้นทุนแฝง” มหาศาลครับ อย่างแรกคือ งานสกรีน/ติดฉลาก ต้นทุนแฝงที่มากับดีไซน์แปลกๆ บางทีทรงสวยจริง แต่หาโรงงานสกรีนลงบน ขวดเซรั่ม ทรงนี้ยากมาก หรือทำได้ก็แพงระยับเพราะต้องทำบล็อกพิเศษ หรือติดสติ๊กเกอร์แล้วย่น ไม่เรียบเนียน
อย่างที่สองคือ กล่องบรรจุภัณฑ์ (Inner Box) ขวดทรงประหลาด มักจะใส่กล่องไซส์มาตรฐานไม่ได้ คุณต้องสั่งทำโมลด์กล่องใหม่ ทำไส้ในล็อกขวด (Support) ใหม่หมด นี่คือต้นทุนที่บานปลายโดยใช่เหตุสำหรับ SME เริ่มต้น
เริ่มต้นดี มีชัยไปกว่าครึ่ง
การทำธุรกิจสกินแคร์ มันไม่ใช่แค่ศิลปะของการปรุงครีมครับ แต่มันคือศาสตร์ของการจัดการ "Product Experience" ทั้งหมด ตั้งแต่ลูกค้าเห็นของ แกะกล่อง สัมผัสขวด กดปั๊ม จนถึงทาลงบนหน้า
อย่าให้ความผิดพลาดเล็กๆ น้อยๆ เรื่องแพ็กเกจจิ้งมาทำลายความตั้งใจในการทำแบรนด์ของคุณครับ สุดท้ายแล้ว การลงทุนกับ ขวดเซรั่ม ที่มีคุณภาพ คือด่านแรกที่จะบอกลูกค้าว่า "เราใส่ใจคุณนะ" และนั่นแหละครับ คือจุดเริ่มต้นของแบรนด์ที่จะเติบโตได้อย่างยั่งยืน
ขอให้ทุกคนโชคดีกับแบรนด์ที่กำลังปั้นอยู่นะครับ สู้ๆ!